โปรแกรมทัวร์ต่างประเทศ
ดาวน์โหลดโปรแกรมทัวร์นี้ (260 kb)
ล่องโขง ชมตะวัน
เชียงของ - ห้วยทราย - หลวงพระบาง - เชียงแสน
3 คืน 4 วัน ไปเรือกลับเรือ
เมืองหลวงพระบาง ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ขึ้นทะเบียนเมืองหลวงพระบางเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรม ด้วยความดั้งเดิมในสถาปัตยกรรมและวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ดังนั้น ไม่ว่ากาลเวลาหรือการปกครองจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่ศรัทธาในพุทธศาสนาของชาวหลวงพระบางไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชาวหลวงพระบางยังจกหรือหยิบข้าวเหนียวใส่บาตรพระได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวราวกับเป็นระบบอัตโนมัติ ตามสายเลือดที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ด้วยเหตุนี้ เมืองหลวงพระบาง อดีตราชอาณาจักรล้านช้างที่ยิ่งใหญ่จึงมีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกไม่ขาดสาย แล้วท่านได้ไปสัมผัสหรือยัง
วันแรก
ห้วยทราย ปากแบ่ง หลวงพระบาง
07.00 น.
ทำพิธีการผ่านแดนออกจากไทย จากนั้น นั่งเรือข้ามฟากจากท่าเรือบั๊คเชียงของ สู่แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ทำพิธีการตรวจคนเข้าเมืองของประเทศลาวที่เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว
08.00 น.
เดินทางโดยเรือยนต์โดยสารเช่าเหมาลำจากท่าเรือ เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ผ่านจุดตรวจเอกสารของเรือยนต์โดยสารที่ด่านตรวจเมืองปากท่า แขวงบ่อแก้ว
เที่ยง
เดินทางถึงด่านตรวจ เมืองปากแบ่ง แขวงอุดมไชย รับประทานอาหารกลางวันและของว่างในเรือ
17.00 น.
เดินทางถึงหลวงพระบาง แต่เดิมเมืองหลวงพระบางมีชื่อ เมืองเชียงดง เชียงทอง เมื่อเจ้าฟ้างุ้ม เสด็จเสวยราชย์ในปีมะเส็ง ค.ศ. 1353 ทรงตั้งระเบียบราชการบ้านเมืองใหม่ ทรงนำพุทธศาสนาเข้ามาจากเมืองเสียมเรียบ พร้อมกับอัญเชิญพระบางเสด็จมาประดิษฐาน ด้วยเหตุนี้เองเมืองเชียงทองจึงเปลี่ยนชื่อมาเป็นเมืองหลวงพระบาง
19.00 น.
รับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารอินโดไชน่า พักผ่อนยามราตรีตามอัธยาศัย
วันที่สอง
หลวงพระบาง
06.00 น.
ท่านที่ประสงค์จะทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ เตรียมข้าวสารอาหารแห้ง พร้อมกันที่บริเวณหน้าโรงแรมแล้วนั่งรถตุ๊ก ๆ จากหน้าโรงแรมไป ในทุกตอนเช้า พระสงฆ์และสามเณรจากวัดต่างๆ จะเดินออกบิณฑบาตเป็นแถวอย่างมีระเบียบนับร้อยๆ รูป โดยการตักบาตรนี้จะรับแต่ข้าวเหนียวสีข้าวเท่านั้น กับข้าวไม่ต้องใส่บาตร จากนั้น เที่ยวชมตลาดเช้าโพสี ชมวิถีชีวิตยามเช้าของชาวหลวงพระบาง ท่านสามารถหาซื้ออาหารพื้นเมืองเช่น ไคแผ่น ข้าวจี่ปาเตใส่ไส้ หรือจะลองชิมอาหารเช้าเช่น คั่วหมี่ กาแฟนมร้อน ร้านกาแฟประชานิยม ข้าวจี่ย่างจิ้มแจ่วบอง ไส้อั่ว
07.00 น.
รับประทานอาหารเช้า
08.00 น.
เที่ยวชมเมืองหลวงพระบาง เมืองที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เพราะมีการรักษาวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวบ้าน วัดวาอารามที่มากมาย และบ้านเรือนสไตล์โคโลเนียน นำคณะชมพระราชวังโบราณของกษัตริย์ลาวในสมัยก่อน ปัจจุบันจัดให้เป็นพิพิธภัณฑ์พระราชวังเก่า หรือ พิพิธภัณฑ์พระราชวังหลวง (Royal Palace Museum) ในหอพิพิธภัณฑ์จะมีเครื่องใช้เก่าแก่ของกษัตริย์อาณาจักรล้านช้างที่สืบเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบัน ตั้งอยู่กลางเมืองริมแม่น้ำโขง สร้างในรัชสมัยเจ้ามหาชีวิตสว่างวงศ์ (พ.ศ.2447) ออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส เป็นการผสมผสานกันระหว่างศิลปะฝรั่งเศสกับลาว ในอดีตเป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตศรี-สว่างวงศ์ จนพระองค์สวรรคตก็มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ.2518 จึงได้มีการเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ ชมห้องฟังธรรม ห้องรับแขกของพระมเหสี ห้องรับแขก ห้องท้องพระโรง หอพระบาง เป็นที่ประดิษฐานพระบาง พระคู่บ้านคู่เมืองที่พระนางแก้วยอดฟ้า พระมเหสีของพระเจ้าฟ้างุ่มซึ่งเป็นพระธิดาของเมืองขอม ทูลขอให้พระบิดาให้นำพระพุทธรูปและพระสงฆ์เข้ามาในเมืองลาว เพื่อนำศาสนาพุทธเข้ามาให้ประชาชนได้เปลี่ยนจากการนับถือผีมาเป็นนับถือศาสนาพุทธ พระบาง เป็นพระพุทธรูปประทับยืนปางห้ามสมุทรเป็นศิลปะขอมสมัยหลังบายน น้ำหนัก 54 กิโลกรัม เป็นทองคำ 90 %ชมวัดเชียงทองริมฝั่งแม่น้ำโขง สร้างในรัชสมัยสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช (พ.ศ. 2102 2103) ทรงสร้างก่อนที่พระองค์จะทรงย้ายเมืองหลวงไปเวียงจันไม่นาน วัดนี้ได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้ามหาชีวิตมาตลอดจึงนับเป็นวัดหลวงที่งดงามที่สุดในเมืองหลวงพระบาง ชมอุโบสถ (สิม) ศิลปะแบบหลวงพระบาง พระอุโบสถไม้มีความงดงามด้วยหลังคาลาดต่ำซ้อนกันอยู่ 3 ชั้น กึ่งกลางของหลังคามีเครื่องยอดสีทอง ซึ่งชาวลาวเรียกว่า ช่อฟ้า ช่อฟ้าที่อยู่ตรงกลางของหลังคา มีอยู่รวมกัน 17 ช่อ ถ้าเป็นคนสามัญสร้างจะมี 1 7 ช่อเท่านั้น ในอุโมงค์ประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ด้านข้างพระอุโบสถมีวิหารพระม่านที่ประดิษฐานพระม่านทาสีชมพู ภาพประดับกระจกสีเล่าถึงวิถีชีวิตของชาวหลวงพระบาง ชมโรงราชรถพระโกศล (โรง - เมี้ยนโกศ) ของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา พระราชมารดา และพระเจ้าอา ออกแบบโดยเจ้ามณีวงศ์ แกะสลักโดยช่างเพี้ยตัน ภายในบรรจุพระพุทธรูปแกะสลักไม้จำนวนมากที่เก็บมาไว้จากวัดร้างต่างๆ ในหลวงพระบาง ด้านนอกผนังด้านหน้าแกะสลักเรื่องราวของรามเกียรติ์ แต่เดิมลงรักปิดทองไว้แต่เมื่อมีการบูรณะใหม่ได้มีการทาสีทองทับลงไป นับได้ว่าเป็นวัดที่มีความสวยงามและเป็นดั่งอัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมลาว จากนั้น ชมวัดแสนหรือวัดแสนสุขะราม เป็นสถานที่เก่าแก่ที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของนครหลวงพระบางมีการประดับดอกดวงทำด้วยมุกประดับทองคำ ที่สวยสดงดงาม ศิลปะตกแต่งและดอกดวงต่างๆ ที่ประดับระเบียงและพุทธสีมาวัดแสนนี้ เป็นสกุลช่างลาวหลวงพระบางศตวรรษที่ 20 ประดิษฐานพระพุทธรูปยืนหนึ่งเดียวในตัวเมืองหลวงพระบาง ซึ่งคนหลวงพระบางเรียกว่า พระเจ้า 18 สอก (ภาษาลาว) เพราะสูง 18 ศอก ส่วนสิมของวัดแสนนั้นก็มีการประดับตกแต่งอย่างงดงามด้วยลวดลายหลากหลายรูปแบบ จากนั้น นำท่านเลือกชมสินค้าที่ตลาดดารา (Night Market) เป็นถนนคนเดิน ตอนเย็นตั้งแต่เวลา 5 โมง เย็นถึงประมาณ 4 ทุ่ม ก็จะมีชาวลาวสูง ลาวเถิง ลาวม้ง ชาวบ้านผานม แม้แต่ชาวหลวงพระบางเองก็จะนำสินค้าพื้นเมืองไม่ว่าจะเป็นผ้าปัก ผ้าทอมือ ผ้านุ่ง ผ้าซิ่น เครื่องไม้ สินค้ามากมายถูกวางอบู่บนถนนและริมทางเดินตั้งแต่หน้าพระราชวังจนสุดหัวถนน และตลาดม้ง (Mong Market) เชิญชมผลิตภัณฑ์จากชาวเขาเผ่าต่างๆ ในประเทศลาว นำท่านชมการทำเครื่องเงินแบบดั้งเดิมของเมืองหลวงพระบางที่ร้านโพธิสัตย์ นายช่างดั้งเดิมเคยเป็นผู้ตีมงกุฎให้กับเจ้ามหาชีวิตมาก่อน
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน
13.00 น.
นำคณะไปชมน้ำตกตาดกวางซี อยู่ห่างจากหลวงพระบางลงไปทางใต้ประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่สวยงาม เหมาะสำหรับการพักผ่อน เพราะมีอากาศบริสุทธิ์และมีธรรมชาติอันสวยงามเขียวชะอุ่มไปทั่วเป็นที่น่าพิศวงยิ่งนัก น้ำตกแห่งนี้มีความสูงประมาณ 560 เมตร ตาน้ำตกแห่งนี้เป็นเพียงตาน้ำเล็กๆ อยู่ด้านบน ไหลผ่านหน้าผาหินปูนตามเส้นทางท่านจะได้พบกับวิถีชีวิตและความเป็นเอกลักษณ์อันแท้จริงของบรรดาชนกลุ่มน้อยในลาว โดยเฉพาะหมู่บ้านลาวเทิง เช่น หมู่บ้านท่าแป้น บ้านตาด และบ้านอู้ ซึ่งเป็นหมู่บ้านของชาวชนบทหลวงพระบางดั่งเดิมซึ่งยังคงรักษาการดำรงชีวิตแบบลาวๆ เกือบหมด ทุกอย่างและท่านจะได้พบกับการตำข้าวด้วยพลังงานของกระแสน้ำ จากนั้น นำท่านนมัสการพระธาตุหมากโม ณ วัดวิชุนราช (Visounnarath Temple) อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองหลวงพระบาง สร้างในรัชสมัยเจ้ามหาชีวิตวิชุนราช (พ.ศ.2046) ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2057 พระนางพันตีนเชียง อัครมเหสีเจ้าชีวิตวิชุนราช โปรดให้สร้างพระเจดีย์พระปทุมเมื่อพระธาตุสร้างเสร็จมีลักษณะเหมือนแตงโมผ่าครึ่งชาวบ้านจึงเรียกว่าพระธาตุหมากโม ที่ยอดพระธาตุมีรัศมีคล้ายกับเปลวไฟที่มุมฐานชั้นบน และล่างมีเจดีย์ทรงดอกบัวตูมทั้งสี่มุม ชมความวิจิตรของวัดพรบาทไค้และเดินเที่ยวชมของเก่าย่านชุมชนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่บ้านเชียงม่วน จากนั้น เดินเท้าขึ้นภูเขาพูสี (Phou Si Mountain ) ความสูงราว 150 เมตร มีบันไดขึ้นทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 328 ขั้น เมื่อถึงยอดท่านจะได้นมัสการพระธาตุจอมสี สร้างในสมัยพระเจ้าอนุรุท พ.ศ. 2337 พระธาตุทรงดอกบัวสี่เหลี่ยมทาสีทอง อยู่บนฐานสี่เหลี่ยม กว้างยาวด้านละ 10.55 เมตร ยอดประดับด้วยเศวตฉัตรทองสำริด 7 ชั้น สูงประมาณ 150 เมตร ชื่อเต็มขององค์ พระธาตุมีชื่อ จอมพูนันทะกางฮีสีสัตนาค เชิญท่านยกพระอธิษฐานที่ประดิษฐานอยู่ในโบสถ์เพื่อเป็นศิริมงคล ชมวิวทิวทัศน์ของเมืองหลวงพระบางยามใกล้พระอาทิตย์ตกดิน
19.00 น.
รับประทานอาหารเย็น พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่สาม
หลวงพระบาง ปากแบ่ง
07.00 น.
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
08.00 น.
เตรียมตัวเดินทางจาก หลวงพระบาง โดยเรือยนต์เช่าเหมาลำสู่เมืองปากแบ่ง
เที่ยง
นำคณะเข้าชมถ้ำติ่ง (Thing Cave) เป็นถ้ำน้อยตั้งอยู่ปากอู ห่างจากหลวงพระบางประมาณ 40 กิโลเมตร มี 2 ชั้น คือ ถ้ำติ่งชั้นล่างมีความสูงจากระดับน้ำ 60 เมตร ถ้ำติ่งบนต้องขึ้นบันไดค่อนข้างสูงและถ้ำด้านบนจะมีหินงอกหินย้อย และมืดจึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมขึ้นไปชม สมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐ์ธาธิราชเป็นผู้ค้นพบ ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปโบราณมากมาย จนถึงในปัจจุบันมีมากถึง 2 พันองค์ ประเพณีดั้งเดิมในวันสงกรานต์ เจ้ามหาชีวิตจะเสด็จพิธีสรงน้ำพระในถ้ำเป็นประจำทุกปี จนถึงทุกวันนี้ก็เป็นประเพณีที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ประชาชนทำสืบทอดกันมา พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่มากมายมหาศาลซึ่งไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าเป็นเวลายาวนานเท่าใด ประชาชนจะนำเอาพระพุทธรูปมาถวายเป็นที่เคารพบูชาไว้ที่ถ้ำกลางแม่น้ำโขง ซึ่งพระพุทธรูปอยู่ที่ถ้ำดังกล่าวยิ่งนับวันก็ยิ่งมากขึ้นเนื่องจากทุกๆ ปี เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ลาว ชาวหลวงพระบางจะพากันล่องเรือมาทำบุญกันอยู่ที่นี่ ในการมาทำบุญกันแต่ละครั้งจะนำเอาพระพุทธรูปที่หล่อด้วยโลหะและทำด้วยไม้แกะสลักมาถวายไว้องค์หนึ่ง ยิ่งหลายปีผ่านไปถ้ำติ่งก็มีพระพุทธรูปประดิษฐานมากขึ้นเรื่อยๆ จนถ้ำแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นถ้ำพระอยู่กลางลำแม่น้ำที่กว้างใหญ่ สะท้อนให้เห็นว่าเป็นดินแดนแห่งพระพุทธศาสนาของเมืองหลวงพระบางแต่โบราณยาวนานผ่านมาโดยแท้ กลับลงเรือจากถ้ำติ่ง นำท่านชม ศิลปะแบบสมัยหินเก่า (Paleaolithic period) ที่ผาด้านหน้าของถ้ำติ่ง เป็นภาพที่เขียนด้วยสีแดง ภาพค่อนข้างสูงจากพื้นน้ำแต่ก็นับเป็นภาพที่ทำให้รู้ว่าประเทศลาว ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์มีคนอาศัยอยู่ด้วย ในบริเวณบ้านปากอูยังมีภาพเขียนนี้อยู่ตามหน้าผาอีกหลายแห่ง จากนั้น นำท่านล่องเรือชมวิถีชีวิตของชาวลาวสองฝั่งโขง รับประทานอาหารบนเรือ
16.00 น.
เดินทางถึง เมืองปากแบ่ง แขวงอุดมไชย เข้าพักที่เรือนพักบุนมี และเที่ยวตลาดตอนเย็น
19.00 น.
รับประทานอาหารเย็น พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่สี่
ปากแบ่ง ห้วยทราย เชียงของ
08.00 น.
รับประทานอาหารเช้า
09.00 น.
เดินทางออกจากเมืองปากแบ่ง แขวงอุดมไชย สู่ เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว
12.00 น.
รับประทานอาหารกลางวันบนเรือ
16.30 น.
เดินทางถึง เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว และข้ามกลับเข้าประเทศไทยที่ อ.เชียงแสน
เอกสารที่ต้องเตรียม
รูปถ่ายสี 2 นิ้ว 6 ใบ (ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน) เขียนชื่อ เบอร์โทรหลังรูปทุกใบ
หนังสือเดินทาง (PASSPORT) ต้องส่งให้บริษัทก่อนวันเดินทาง 20 วัน เพื่อทำวีซ่าจีน
สำเนาบัตรประชาชน
เอกสารต้องยื่นก่อน 20 วัน
กรุณานำบัตรประชาชนตัวจริงมาในวันเดินทางด้วย
ที่สำคัญมากที่สิบสองปันนา เงินตราใช้ได้เฉพาะเงินหยวนเท่านั้น ไม่รับเงินสกุลอื่น ฉะนั้นทางบริษัทมีเงินหยวนให้แลกในอัตรา 1 หยวน ต่อ 5.5 บาทแลกคืนในอัตราเดียวกัน
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนออกเดินทาง
1. กล้องถ่ายรูปพร้อมฟิล์ม หรือ Memory Card
2. ยารักษาโรคประจำตัว
3. เครื่องคิดเลข
4. รองเท้าสวมใส่สบาย
5. เสื้อเจ็คเก็ตแขนยาว
ราคาท่านละ - บาท
เด็กอายุต่ำกว่า 12 ขวบ ครึ่งราคา (ไม่เสริมเตียง)
เกินกว่า 12 ขวบคิดเต็มราคา
1 ห้อง พัก 2 คน
นอนเดี่ยว เพิ่มอีกคนละ - บาท
(ราคากรุณาติดต่อทางบริษัท)
ราคานี้รวม
อาหารทุกมื้อและน้ำดื่มตลอดการเดินทาง
ค่าเรือ
ค่าเข้าชมสถานที่ตามที่ระบุในรายการ
ค่ามัคคุเทศก์ในท้องถิ่นที่มีความชำนาญคอยดูแลท่าน
ประกันอุบัติเหตุการเดินทาง(Personal Accident) วงเงินท่านละ 1,000,000 บาท ค่ารักษาพยาบาล (Accident Medical Expense) วงเงินท่านละ 500,000 บาท และการประกันความรับผิดส่วนบุคคล (Personal Liability) วงเงินท่านละ 200,000 บาท
ราคานี้ไม่รวม
ค่าใช้จ่ายส่วนตัวนอกเหนือจากรายการที่ระบุ
ทิปมัคคุเทศก์และพนักงานขับรถ
ค่ามินิบาร์ในโรงแรมที่พัก
ดาวน์โหลดโปรแกรมทัวร์นี้ (260 kb)
มีข้อสงสัย ติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 053-752829 แฟกซ์ 053-719041 หรือที่อีเมล์ siriporn_pdtour@hotmail.com